น้ำดื่มวิตามินซี ดีจริงเหรอ ??
เครื่องดื่มวิตามินซี 200%
ปัจจุบันเครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีการเติบโตทางการตลาดสูงก็คือ “เครื่องดื่มผสมวิตามินซี” ซึ่งจัดเป็นเครื่องดื่มประเภทฟังก์ชันนัล (Functional Drinks) หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Health Beverage)
โดยเครื่องดื่มเหล่านี้มักจะมีการกล่าวอ้างสรรพคุณว่าช่วยเพิ่มเติมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในแต่ละวัน เช่น เสริมกรดอะมิโน เสริมคอลลาเจน วิตามินบีรวมต่าง ๆ รวมไปถึงสารสกัดจากสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการป้องกันโรคต่าง ๆ และสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระซึ่งเน้นเป็นจุดขาย แต่การดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ร่างกายจะได้รับประโยชน์ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ? บทความนี้มีคำตอบครับ…
เครื่องดื่มผสมวิตามินซี 200% คืออะไร ?
เครื่องดื่มวิตามินซี 200% หรือ เครื่องดื่มวิตามินซี 2 เท่า คือ เครื่องดื่มที่ระบุว่ามีปริมาณวิตามินซีต่อขวดเท่ากับ 120 มิลลิกรัม หรือคิดเป็น 2 เท่า หรือ 200% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งปริมาณวิตามินซีที่แนะนำขั้นต่ำต่อวันก็คือ 60 มิลลิกรัม (อ้างอิงจากค่า Thai RDI ซึ่งเป็นค่าปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป) ส่วนความต้องการวิตามินซีขั้นต่ำต่อวันถ้าแยกตามเพศและวัยแล้วจะมีความต้องการแตกต่างกันไปดังนี้ครับ
- เด็กวัยรุ่นอายุ 9-13 ปี : 45 มิลลิกรัม
- เด็กวัยรุ่นอายุ 14-18 ปี : 65-75 มิลลิกรัม
- ผู้ใหญ่ (หญิง) : 75 มิลลิกรัม
- ผู้ใหญ่ (ชาย) : 90 มิลลิกรัม
- หญิงตั้งครรภ์ : 85 มิลลิกรัม
- หญิงให้นมบุตร : 120 มิลลิกรัม
- ผู้สูบบุหรี่ : ควรได้รับเพิ่มขึ้นกว่าผู้ที่ไม่สูบประมาณ 35 มิลลิกรัม/วัน เช่น ผู้ใหญ่ชายที่สูบบุหรี่ควรได้รับวิตามินซีขั้นต่ำวันละ 125 มิลลิกรัม
เห็นได้ว่าในผู้ใหญ่ ผู้สูบบุหรี่ หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ร่างกายจะต้องได้รับวิตามินซีเพิ่มขึ้นอีกจากปริมาณที่แนะนำต่อวัน และในอนาคตทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะมีการปรับปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับขั้นต่ำจากวันละ 60 มิลลิกรัม เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 90-100 มิลลิกรัมด้วยครับ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้รับปริมาณวิตามินซีที่เพียงพอมากขึ้นนั่นเอง
เครื่องดื่มผสมวิตามินซี 200% ดีจริงหรือ ?
วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินชนิดที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้และยังมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ป้องกันอาการเลือดออกตามไรฟัน ช่วยร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจน ช่วยต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย บรรเทาอาการภูมิแพ้ บรรเทาอาการความรุนแรงของอาการหวัด มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวหรือเมลานิน (โดยลดจำนวนสารโอควิโนนที่ทำให้เปลี่ยนไปเป็นเม็ดสีผิวที่ทำให้ผิวคล้ำลดลง) ช่วยปกป้องรังสี UV จากแสงแดดที่ทำให้ผิวคล้ำลงได้ ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ร่างกายจึงควรได้รับวิตามินซีขั้นต่ำต่อวันไม่น้อยกว่า 60 มิลลิกรัม หรือควรอยู่ในช่วง 100-200 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่
หลายคนอาจสงสัยว่า วิตามินซีขนาด 120 มิลลิกรัม/วัน นั้นสามารถหวังผลเรื่องสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันได้มากน้อยแค่ไหน ? ตรงนี้ถ้าพูดตามตรงก็ต้องบอกว่า “ปริมาณที่ร่างกายได้รับยังไม่มากพอที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ และประโยชน์ที่ร่างกายได้รับอาจจะไม่คุ้มเสียเท่าไหร่ครับ เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้มักมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง (ตั้งแต่ 2-9 ช้อนชา จากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้บริโภคน้ำตาลจากอาหารทุกชนิดรวมกันไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน) ซึ่งการบริโภคน้ำตาลสูงบ่อย ๆ จะส่งผลเสียต่อร่างกายหลายอย่างไม่ใช่แค่เรื่องเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน เช่น เกิดไขมันสะสมน้ำหนักตัวเพิ่ม ภาวะเลือดเป็นกรด ความดันเลือดสูง ปวดไมเกรน เป็นสิว หน้าแก่ก่อนวัย เป็นตะคริวบ่อย กระดูกเปราะและฟันผุในเด็ก เสี่ยงโรคซึมเศร้า เสี่ยงโรคหัวใจ เสี่ยงมะเร็ง กระตุ้นความรุนแรงของโรคที่เป็นอยู่ให้เพิ่มขึ้น ฯลฯ” (นอกจากเรื่องของน้ำตาลที่ควรระวังแล้ว ผู้บริโภคควรดูข้อมูลการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเพิ่มเติมด้วย เพราะสารให้ความหวานแทนน้ำตาลบางชนิดไม่เหมาะกับผู้ป่วยบางประเภท เช่น โรคฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria))
แต่ถ้าคุณผู้อ่านอยากดื่มบ้างเป็นบางครั้งบางคราวเพราะชอบในเรื่องของรสชาติและร่างกายได้รับวิตามินซีด้วย แบบนี้มันก็ได้ครับไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะดื่มทุกวันเพื่อหวังเรื่องสุขภาพหรือดื่มเช้าดื่มเย็นแบบนี้ไม่แนะนำเลยครับ เพราะการจะทานวิตามินซีเพื่อเสริมสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันได้จริง ๆ นั้นจะต้องทานให้ได้อย่างน้อยวันละ 500 มิลลิกรัม และยิ่งสถานการณ์ในบ้านเราตอนนี้ที่เกือบทั้งปีจะเต็มไปด้วยปัญหาของฝุ่นควัน PM 2.5 ความสะอาดในบ้านเมืองก็มีน้อย เชื้อโรคก็มาก (โดยเฉพาะเชื้อ COVID-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้) และทุกปีอัตราการเป็นโรคติดต่อทางลมหายใจก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขนาดที่แนะนำให้ทานเพื่อสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยเป็นวันละ 1,000 มิลลิกรัม (แต่ใครที่หวังผลเรื่องความงามอยากให้ผิวพรรณกระจ่างใสอันนี้ต้องรับประทานวิตามินซีให้ได้ในขนาดวันละ 2,000 มิลลิกรัมเลยครับ)
สำหรับผู้ที่อยากทานวิตามินซีจริง ๆ เพื่อหวังผลเรื่องสุขภาพ เสริมภูมิคุ้มกัน และหวังเรื่องความงามผิวพรรรณด้วย ถ้าคุณชอบทานวิตามินซีในรูปแบบน้ำก็ขอแนะนำเป็นวิตามินซีแบบผงใช้ชงผสมกับน้ำดื่มครับ ซึ่งก็เป็นวิตามินซีอีกรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน เพราะให้ปริมาณวิตามินซีเทียบเท่ากับแบบเม็ดและไม่เสื่อมสลายได้เหมือนเครื่องดื่มวิตามินซีสำเร็จรูป แต่การเลือกทานก็ควรเลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน และไม่มีน้ำตาลด้วยนะครับ เช่น แนท-ซี เอสเตอร์ (NAT-C ESTER) ที่ทางเว็บเคยเขียนรีวิวไป และคะแนนโดยรวมก็ไม่ได้ด้อยกว่าวิตามินซีแบบเม็ดเลย เพราะตัวนี้นอกจากจะให้วิตามินซี 1,000 มิลลิกรัมแล้ว มันยังมีส่วนผสมของไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) ที่ช่วยให้วิตามินซีดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้นด้วย ถ้าวันไหนรีบๆ ก็สามารถฉีกซองใส่ขวดน้ำเขย่าดื่มได้เลย ตรงนี้ร่างกายก็จะได้รับประโยชน์และหวังผลเรื่องสุขภาพได้ในราคาต่อดื่มที่ถูกกว่าอย่างแน่นอน แต่จะติดตรงที่ว่ามันไม่ได้อร่อยเท่าเครื่องดื่มวิตามินซีสำเร็จรูปที่ใส่น้ำตาลเท่านั้นเองครับ
เครื่องดื่มผสมวิตามินซี 200% มีวิตามินซีครบตามที่อ้างหรือไม่ ?
ด้วยวิตามินซีเป็นวิตามินที่สลายตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับแสงและความร้อน ! หลายคนจึงสงสัยว่า การดื่มเครื่องดื่มผสมวิตามินซี 200% ที่มักจะเป็นขวดใสและผ่านการขนส่งที่อาจโดนความร้อนทั้งวัน ตัววิตามินซีจะไม่เสื่อมสลายไปหมดหรือ แล้วร่างกายจะได้รับวิตามินซีครบถ้วนตามปริมาณที่ระบุไว้ข้างขวดหรือไม่ ?
คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เราบริโภคครับ “เพราะจากการทดสอบของนิตยสารฉลาดซื้อร่วมกับโครงการสนับสนุนระบบการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพที่ได้ทำการสุ่มเก็บตัวอย่างเครื่องดื่มผสมวิตามินซีจำนวน 21 ตัวอย่าง ส่งห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์หาปริมาณวิตามินซี ผลการตรวจก็พบว่า เครื่องดื่มผสมวิตามินซี 200% ส่วนใหญ่มีปริมาณวิตามินซีถึงตามที่ระบุไว้จริงครับ แต่บางยี่ห้อก็ตรวจไม่พบวิตามินซีเลยก็มี” (ผลการทดลองจากนิตยสารฉลาดซื้อฉบับที่ 233)
สาเหตุที่วิตามินซีในเครื่องดื่มเหล่านี้ไม่เสื่อมสลายไปนั้นก็เป็นเพราะว่า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่มีการเติมวิตามินซีเข้าไปนั้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มหรือเครื่องสำอางต่าง ๆ มันไม่ใช่วิตามินซีแท้ ๆ ครับ จริง ๆ แล้วต้องเรียกว่าเป็น “อนุพันธ์” (Derivative) ของวิตามินซีมากกว่า ซึ่งมันจะมีความเสถียร และความทนทานมากกว่าวิตามินซีปกติมาก ถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ ก็คือ มันเป็นการนำสารตัวนั้นมาเปลี่ยนแปลงหมู่ฟังก์ชั่นแค่บางหมู่ เพื่อให้สารตัวนั้นมันคงสภาพได้ โดยที่ยังคงมีคุณสมบัติและโครงสร้างใกล้เคียงกับตัวตั้งต้น ซึ่งอนุพันธ์ของวิตามินซีที่ใส่เข้าไปในเครื่องดื่มนี้ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะมีเอนไซม์ที่เข้าไปจัดการเปลี่ยนหมู่ฟังก์ชั่นของอนุพันธ์จนกลับไปเป็นวิตามินซีตัวเดิมได้ แล้วร่างกายจึงนำไปใช้งานได้นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระหว่างการบรรจุและขนส่ง วิตามินซีอาจมีการสูญสลายไปได้บ้างเป็นปกติ จึงทำให้แต่ละยี่ห้อหรือแม้แต่ยี่ห้อเดียวกันแต่ต่างรสชาติกันก็ยังมีปริมาณวิตามินซีไม่เท่ากันได้ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติครับ
รีวิวและจัดอันดับน้ำดื่มผสมวิตามินซี 200%
การจัดอันดับและรีวิวน้ำดื่มผสมวิตามินซีในบทความนี้ ทางเราพยายามเลือกซื้อมาเฉพาะเครื่องดื่มผสมวิตามินซีที่เป็นวิตามินซี 200% เท่านั้น และเลือกเฉพาะยี่ห้อที่เป็นที่นิยมและสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป เช่น 7-11, Tesco Lotus, Tops ส่วนเกณฑ์การให้คะแนนเพื่อใช้ในการจัดอันดับนั้น หลัก ๆ เราจะมีเกณฑ์การให้คะแนนหลัก ๆ อยู่ 4 อย่างครับ (คะแนนเต็ม 40 คะแนน) คือ
- รสชาติ : คะแนนเต็ม 10 เป็นการทดลองชิมกันเองจากทีมงาน 4-5 คน แน่นอนครับว่าความชอบของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน อย่าไปซีเรียสกันมากครับ
- ปริมาณวิตามินซีที่ตรวจพบ : ตรงนี้เราจะอ้างอิงจากผลการทดสอบของนิตยสารฉลาดซื้อเป็นหลัก มีคะแนนเต็ม 10 โดย 10 คะแนนจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรวจพบว่ามีวิตามินซีสูงสุด, 5 คะแนนคือผ่านเกณฑ์ (ตรวจพบวิตามินซี 120 มิลลิกรัมตามที่ระบุ) และ 0 คะแนนคือตรวจไม่พบปริมาณวิตามินซี
- จุดเด่น/จุดด้อย : ตรงนี้เราจะดูหลายอย่างครับ ตั้งแต่ตัวผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบที่ใช้ ปริมาณน้ำตาล แคลอรี่ โซเดียม รวมถึงส่วนผสมของวิตามินหรือสมุนไพรอื่น ๆ ที่น่าสนใจ มีคะแนนเต็ม 10 เช่นกัน
- ราคา : คะแนนเต็ม 10 โดยการให้คะแนนจะแบ่งเป็นราคาต่อขวด และราคาต่อปริมาณแยกกันอย่างชัดเจน
หมายเหตุ : ทุกยี่ห้อที่รีวิวนี้ทางเราไม่ได้รับสปอนเซอร์ใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ เพียงแต่เราเห็นว่าหัวข้อนี้น่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคที่ชอบดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้อยู่ครับ